พยาธิใบไม้ตับ พูดถึงโรคนี้เมื่อซัก 10-20 ปีที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นที่ฮือฮากันมากเพราะหน่วยงานด้านสาธารณสุขมีการจัดทำโครงการรณรงค์เพื่อให้ความรู้ ป้องกัน โดยเฉพาะการละจากการรับประทานปลาดิบซึ่งเป็นโฮสต์ตัวกลางที่ 2 ของพยาธิ เรียกให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือเป็นที่ๆระยะติดต่อของพยาธิอาศัยอยู่ นับจากวันนั้นถึงวันนี้ ปัญหาเกี่ยวกับโรคนี้หมดไปรึยัง จากรายของสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ก็ยังพบการติดเชื้อ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ยิ่งเป็นที่สนใจจากทั่วโลกขึ้นไปอีกเมื่อมีการรายงานการศึกษาวิจัยจากกลุ่มนักวิจัยจากศูนย์วิจัยพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการเกิดมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งพบอุบัติการณ์สูงที่สุดในโลก เมื่อต้นปี 2551 สำนักข่าวรอยเตอร์ได้โทรข้ามประเทศสัมภาษณ์ รศ.ดร.บรรจบ ศรีภา ผู้เชี่ยวชาญด้านพยาธิชีวิทยาและการเกิดมะเร็งท่อน้ำดีและพยาธิใบไม้ตับ ยิ่งเป็นข่าวใหญ่โด่งดังกันไปใหญ่ แล้วโรคพยาธิใบไม้ตับที่สำคัญๆ ที่มีการศึกษากันแพร่หลายตอนนี้มีอะไรบ้าง
พยาธิใบไม้ในตับที่สำคัญมียู่ 3 ชนิดด้วยกันคือ
•Clomorchis sinensis พบมากในจีน อินโดจีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี
•Opisthorchis felineus พบมากใน ยุโรป ไซบีเรีย อินเดีย เวียตนาม เกาหลี
•Opisthorchis viverini
สำหรับประเทศไทย Opisthorchis viverini เป็นพยาธิใบไม้ที่สำคัญและทำให้เกิดโรคพยาธิใบไม้ในตับโดยตัวแก่อาศัยอยู่ในท่อน้ำดี พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยโดยพบว่าคนเป็นโรคนี้สูงถึง 72-87%
วงจรชีวิตของพยาธิ
ตัวแก่ของพยาธิใบไม้ตับ O. viverrini อาศัยอยู่ในท่อน้ำดีในตับของคนไข่จะปนออกมากับอุจจาระตกลงสู่แหล่งน้ำ หอยน้ำจืดโฮสต์กลางลำดับที่หนึ่งจะกินไข่พยาธิเข้าไป ไข่จะฟักตัวออกมาเป็นไมราซิเดียม (miracidium) แล้วเจริญต่อไปเป็นเซอร์คาเรีย (cercaria) และว่ายออกจากหอยไปฝังตัวในปลาน้ำจืด เช่นปลาแม่สะแด้ง ปลาตะเพียนทราย ปลาสร้อยนกเขา ปลาสูตร ซึ่งจัดเป็นโฮสต์ตัวกลา1ลำดับที่หนึ่ง และเจริญต่อไปเป็นเป็นระยะติดต่อ คือ เมตาเซอร์คาเรีย (metacercaria) เมื่อโฮสต์กินปลาที่มีระยะนี้แบบสุกๆดิบๆ เมตาเซอร์คาเรียจะแตกออกจากซีสท์ มาอยู่ในลำไส้ส่วนดูโอดีนัม แล้วเดินทางผ่าน เข้าสู่ท่อน้ำดีใหญ่ เดินทางต่อไปถึงท่อน้ำดีเล็กแล้งฝังตัวเจริญเป็นตัวแก่ต่อไป
พยาธิตัวแก่จะอาศัยในท่อน้ำดีของ คน แมวและสุนัขซึ่งเป็นโอสท์เฉพาะ พยาธิอาจจะอาศัยในถุงน้ำดี หรือท่อของตับอ่อน ไข่จะปนออกมากับน้ำดีเข้าสู่ลำไส้เล็กและออกมาพร้อมกับอุจาระ . ถ้าถ่ายอุจาระลงในน้ำพวกหอยซึ่งเป็นโฮสท์กลางที่หนึ่ง (first intermediate host) จะกินไข่พยาธิ ภายในตัวหอยไข่จะฟักตัวเป็นตัวอ่อน miracidia , ซึ่งจะเจริญอีกหลายขั้นตอน (sporocysts , rediae , cercariae )ตามลำดับ Cercariae จะออกจากหอย และเข้าสู่ปลาน้ำจืดได้แกปลา แม่สะเด้ง ปลาตะเพียนขาว ปลาสร้อยนกเขา ปลาสูตร และปลากะมัง(second intermediate host), และเจริญเป็น metacercariae ในเนื้อปลา ซึ่งเป็นระยะติดต่อ เมื่อคนหรืสัตว์ที่เป็นโฮสท์เฉพาะรับประทานปลาดิบๆสุกๆ เช่น ก้อยปลา metacercariae จะออกจาก cyst เข้าสู่ลำไส้เล็ก และเคลื่อนที่เข้า ampulla of Vater สู่ท่อนน้ำดี และจะเจริญเป็นตัวแก่ และออกไข่ใน 3-4 สัปดาห์ .
อาการและ พยาธิสภาพ
อาการโดยทั่วไป ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้อง รู้สึกไม่ค่อยสบาย โดยเฉพาะบริเวณชายโครงขวา ยอดอก ต่อไปเริ่มมีการอักเสบของท่อน้ำดีร่วมด้วย ผู้ป่วยมีอาการเบื่ออาหาร มีไข้ต่ำๆ ตับอาจโตกดเจ็บ และเริ่มมีอาการตัวเหลือง ต่อไปเริ่มมีภาวะแทรกซ้อนเช่น ท่อน้ำดีอักเสบเรื้อรัง เป็นๆหายๆ มีไข้สูงปานกลาง ตัวเริ่มเหลืองมากขึ้น ตับโตกดเจ็บ เริ่มมีอาการตับแข็ง ม้ามโต แรงดันเลือดสูง
พยาธิใบไม้ตับก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผนังท่อน้ำดี และการอุดตันของท่อน้ำดี เนื่องจากพยาธิมีการเคลื่อนตัวไปมาในนั้น บางตัวอาจไปทำให้เกิดอุดตันท่อน้ำดีส่วนปลาย นอกจากนั้นของเสียที่ขับออกมาจากตัวพยาธิยังก่อให้เกิดการระคายเคืองของท่อน้ำดีอีกด้วย ทำให้ผนังของท่อน้ำดีหนาขึ้น ทำให้ท่อน้ำดีตีบจะทำให้เกิดน้ำดีคั่งอยู่ภายในท่อน้ำดีส่วนปลาย ทำให้เกิดท่อน้ำดีโป่งพองบางรายกลายเป็นมะเร็งของท่อน้ำดีต่อไป
ผู้ป่วยมีอาการแตกต่างกันได้ 4 แบบ
•ไม่มีอาการเลย เรารู้โดยการตรวจอุจาระพบไข่พยาธิในอุจาระ
•มีอาการอย่างอ่อน ผู้ป่วยมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย แน่นท้อง จุกเสียด รู้สึกไม่ค่อยสบาย โดยเฉพาะบริเวณชายโครงขวา
•มีอาการแรงปายกลางผู้ป่วยมีการอักเสบของท่อน้ำดีร่วมด้วย อาจจะเป็นๆหายๆหรือเป็นติดต่อกันเรื่อยๆ ผู้ป่วยเบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน แน่นบริเวณลิ่มปี่ ท้องเดิน ตับโต
•มีอาการรุนแรง ผู้ป่วยพวกนี้จะมรอาการรุนแรง มีโรคแทรกซ้อนต่างๆ เช่นท่อน้ำดีอักเสบเป็นๆหายๆ ไข้สูง เบื่ออาหาร มีอาการเหลืองปานกลาง ตับโตกดเจ็บ ถ้ามีตับแข็งอาจจะมีม้ามโต
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคจะต้องอาศัยประวัติถิ่นที่อยู่ ลักษณะการรับประทานอาหาร และอาการเจ็บป่วย หากภูมิลำเนามาจากอีสาน และชอบรับประทานอาหารสุกๆดิบๆ ก็ให้สงสัยไว้ก่อน
การตรวจอุจาระก็จะตรวจพบไข่ของพยาธิ หากมีโรคแทรกซ้อนที่ตับอาจจะต้องตรวจโดยการส่องกล้องเข้าช่องท้องหรือการฉีดสีเข้าท่อน้ำดี
ภาพแสดงไข่ของพยาธิที่ตรวจจากอุจจาระ
ระยะ cercaria ที่ออกจากหอย
metacercaria ที่อยู่ในเนื้อปลา
รายงานการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับในประเทศไทย
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 อุบัติการณ์โรคพยาธิใบไม้ในตับมีแนวโน้มที่ลดลงเรื่อยมา แต่ในปี พ.ศ. 2549 และ 2550 กลับมีอัตราป่วยเพิ่มขึ้นพื้นที่ที่พบจำนวนผู้ป่วย และอัตราป่วยสูงยังคงเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ซึ่งมีความนิยมในการบริโภคปลาดิบ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค อย่างไรก็ตาม ในการแปลผลข้อมูล อาจต้องมีการพิจารณาในเรื่องของความครอบคลุมการรายงานผู้ป่วยในแต่ละพื้นที่ ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันได้ รวมถึงข้อจำกัดในการตรวจหาไข่พยาธิโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ เนื่องจากไข่พยาธิใบไม้ตับแยกได้ยากจากไข่พยาธิใบไม้ลำไส้ (ที่มักไม่ทำให้เกิดอาการ รวมทั้งไม่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคมะเร็งตับ) (สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข 2550) ข้อมูลเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในปี 2550 พบผู้ป่วย 559 ราย จาก 19 จังหวัด คิดเป็นอัตราป่วย 0.89 ต่อแสนประชากร ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต สัดส่วนเพศชายต่อเพศหญิง 1:0.64 กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ 45-54 ปี (28.09%) อาชีพของผู้ป่วยส่วนใหญ่ คือเกษตรร้อยละ 63 จังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อแสนประชากร สูงสุด 5 อันดับแรก คือ สกลนคร (22.72 ต่อแสนประชากร) น่าน (14.24 ต่อแสนประชากร) ลำพูน (13.31 ต่อแสนประชากร) แพร่ (10.89 ต่อแสนประชากร) และศรีสะเกษ (2.49 ต่อแสนประชากร) ภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมาคือ ภาคเหนือ คิดเป็นอัตราป่วย 1.68 และ 1.68 ต่อแสนประชากร ตามลำดับ ปีนี้มีรายงานผู้ป่วยในภาใต้ด้วย คิดเป็นอัตราป่วย 0.02 ต่อแสนประชากร (ดร.ณัฏฐวุฒิ แก้วพิทูลย์)
การตรวจวินิจฉัยโรค ตรวจหาไข่พยาธิในอุจจาระโดยดูด้วยกล้องจุลทรรศน์
การรักษา ยา praziquantel แต่ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง ควรปรึกษาแพทย์ เพราะยามีผลข้างเคียงต่อตับ กรณีผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี ยังไม่มียารักษาให้หายขาดได้ต้องรักษาโดยการประคับประคอง และการผ่าตัด
การป้องกัน
•ให้สุขศึกษาแก่ประชาชนเข้าใจถึงวงจรชีวิตของพยาธิ และการป้องกัน
•ลด ละ เลิกการรับประทาน เนื้อสัตว์ กุ้งหอย ปู ปลา ปลาดิบๆสุก รวมทั้งของเนื้อของสัตว์ป่าจะมีพยาธิอยู่มาก
•การรับประทาน ผักสด ดิบ ๆ มักมีพยาธิปนเปื้อนอยู่มาก กลุ่มที่รับประทานอาหารมังสวิรัตมักมีการตรวจพบพยาธิมาก
รวมรวมโดย : พท.ภ อรรณพ ผลบุณยรักษ์
ข้อมูลอ้างอิง : Siamhealth.net
: http://www.tm.mahidol.ac.th/
: สำนักงานควบคุมโรค ที่ 6 จังหวัดขอนแก่น:
: ศูนย์วิจัยและบริการตรวจวินิจฉัยโรคติดเชื้อจากปรสิต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
: ภาพจาก เวปไซด์